เฝ้าระวังสินค้าเสี่ยงสวมสิทธิ 65 รายการ ส่งออกจากไทยไปตลาดสหรัฐ

07 พฤษภาคม 2568
เฝ้าระวังสินค้าเสี่ยงสวมสิทธิ 65 รายการ ส่งออกจากไทยไปตลาดสหรัฐ

กรมการค้าต่างประเทศ เพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวังเป็น 65 รายการที่มีความเสี่ยง คุมเข้มการสวมสิทธิสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดสหรัฐ จากเดิมเฝ้าระวัง 49 รายการ

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมทำหน่วยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายหลังจากที่สหรัฐประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าที่มาจากไทยเป็นอัตรา 36% ตามประกาศมาตรการภาษีตอบโต้แบบต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) จากสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย โดยปัจจุบันขยายเวลาการเก็บภาษีออกไป 90 วัน แต่ก็ยังเก็บภาษีที่ 10%

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ศุลกากรสหรัฐ คต.ได้มีการประชุมหารือร่วมกับทางการสหรัฐ โดยจะมีการเพิ่มเติมจำนวนรายการสินค้าเป็น 65 รายการ จำนวน 224 พิกัดภาษีและทางฝ่ายไทย จากก่อนหน้า 49 รายการ เช่น กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ได้ขอให้ทางสหรัฐมีการแจ้งข้อมูลพิกัดภาษีรายการสินค้าให้มีความชัดเจนมากขึ้นแบบ Specific แทนการบอกแบบกว้าง ๆ เพื่อไม่ให้ไทยเสียโอกาสในการส่งออกในภาพรวม ซึ่งในรายการสินค้า ยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นหรือลงได้ โดยจะให้ความสำคัญในกลุ่มสินค้าที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

สำหรับผลสรุปรายการสินค้าเฝ้าระวังทั้งหมด จะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาก่อนจะออกเป็นประกาศกรมการค้าต่างประเทศต่อไป

นอกจากนี้ ทางกรมได้เพิ่มความเข้มงวดในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไปของไทยมากขึ้น โดยที่ผ่านมาได้หารือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานเอกชนที่มีอำนาจในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไปของไทยด้วย

ล่าสุด 3 หน่วยงานได้มีความเห็นร่วมกันที่จะให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานเดียวที่สามารถออกหนังสือรับรอง Form C/O ทั่วไป สำหรับรายการสินค้าเฝ้าระวังในการส่งออกไปสหรัฐ 49 รายการในเบื้องต้น เช่น แผงโซลาร์เซลล์ ล้อเหล็กสำหรับรถบรรทุก แผ่นหินเทียม และท่อเหล็ก โดยกำหนดให้ผู้ส่งออกจะต้องยื่นขอตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าก่อนขอรับหนังสือรับรอง Form C/O ทั่วไป จากกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีของสหรัฐจากประเทศอื่น ๆ

นางอารดากล่าวอีกว่า การเพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวัง ได้มีการติดตามข้อมูลสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงในการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย จากมาตรการ AD และมาตรการ 301 อย่างใกล้ชิด และติดตามรายการสินค้าจากมาตรการ 232 เพิ่มเติมด้วย เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงที่อาจมีสินค้าดังกล่าวมาแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย

ในโอกาสวันเกิดกรมเข้าสู่ปีที่ 84 กรมได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เพื่อยกระดับงานบริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า ด้วยการพัฒนาระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ผู้รับบริการสามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่าย ๆ ภายใต้ระบบ DFT SMART-I และ DFT SMART C/O

ซึ่งสามารถยื่นคำขอ พิมพ์เอกสาร และชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ศูนย์บริการ มุ่งสู่เป้าหมายการให้บริการแบบ No Visit อย่างเต็มรูปแบบ ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ (Citizen Centric) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ

และ MOU ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกรมการค้าต่างประเทศกับกรมสุขภาพจิต ภายใต้โครงการ “สุขภาพใจ เรื่องใกล้ตัวที่ควรตระหนัก” เพื่อดูแลส่งเสริมสุขภาพทางกายและใจของบุคลากร กรมพุ่งเป้าเสริมสร้างความแข็งแรงด้านร่างกาย ส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาวะทางจิตใจ Happy Workplace

“กรมการค้าต่างประเทศพร้อมก้าวสู่ปีที่ 84 เพื่อบูรณาการและขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศของไทยในทุกมิติ มุ่งเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการไทย รองรับความผันผวนและความเปลี่ยนแปลงทางการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเร่งสร้างขีดความสามารถและพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย เพื่อสร้างแต้มต่อและความได้เปรียบทางการค้าให้เพิ่มมากขึ้น และเดินหน้าผลักดันการค้าไทยให้เติบโตและก้าวสู่เวทีโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป”


แหล่งที่มา : ประชาชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.